Sandro Botticelli "ศิลปินเอกแห่งยุคเรเนซองส์"
top of page

Sandro Botticelli "ศิลปินเอกแห่งยุคเรเนซองส์"


เมื่อนึกถึงศิลปินในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา (ช่วงศตวรรษที่ 14 - ศตวรรษที่ 16) หรือรู้จักกันในชื่อยุค Renaissance (เรเนสซองส์) หลายคนน่าจะนึกถึงศิลปินชื่อดังอย่าง Leonardo da Vinci เจ้าของผลงาน Mona Lisa, The Las Supper ที่ทุกคนต้องเคยเห็นผ่านตา หรือจะเป็น Michelangelo ผู้สร้างสรรค์ผลงานรูปสลักเดวิดที่มีชื่อเสียงก้องโลก แต่รู้หรือไม่ว่าในยุค Renaissance มีศิลปินอีกมากมายหลายคนที่มีฝีมือฉกาจฉกรรจ์จนได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อวงการศิลปะโลก . ซึ่งหนึ่งในศิลปินนักวาดภาพที่มีฝีมือมากที่สุดในยุคนี้อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ Sandro Botticelli ที่ฝากผลงานทรงคุณค่าไว้หลายต่อหลายชิ้นงาน ทั้งแนวศาสนา เรื่องจากตำนาน ภาพพระแม่มารี และภาพเหมือนบุคคล ถูกกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในศิลปินชั้นยอดแห่งยุคสมัยเป็นที่นับหน้าถือตาในยุคนั้น รวมไปถึงเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นชายที่มีรสนิยมรักร่วมเพศซึ่งถือว่าร้ายแรงมากในยุคนั้น . Sandro Botticelli เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1445 ที่เมือง Florence ประเทศอิตาลี เป็นลูกคนสุดท้องของช่างฟอกหนัง เมื่ออายุได้ 14 ปี จึงถูกส่งไปฝึกเป็นช่างทอง แต่หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี พ่อของเขาก็ฝากตัว Botticelli เป็นลูกศิลษย์ของ Filippo Lippi จิตรกรชื่อดังแห่งเมือง Florence เพราะ Botticelli ชอบการเขียนภาพมากกว่า และได้เรียนรู้เทคนิคการเขียนภาพบนแผ่นไม้ การเขียนภาพูนเปียก การเขียนทัศนียภาพเชิงเส้น รวมไปถึงการจัดองค์ประกอบและเครื่องแต่งกายที่งดงามเพ้อฝัน หลังจากนั้นในในปี ค.ศ.1467 เขายังได้เรียนรู้การเขียนภาพเพิ่มเติมกับ Antonio Pollaiuolo และ Andrea del Verrocchio (ครูของ Leonardo da Vinci) อีกด้วย . ในปี ค.ศ. 1470 Botticelli เปิดสตูดิโอเขียนภาพเป็นของตัวเองใน Florence รับงานน้อยใหญ่จนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมือง ผลงานโดดเด่นในช่วงนี้คือภาพ Adoration of the Magi และภาพ Fortitude จากนั้นในปี ค.ศ. 1481 Botticelli ได้มีโอกาสเขียนภาพปูนเปียกบนผนังโบสถ์น้อย Sistine ณ กรุงโรม ร่วมกับศิลปินอีกหลายคนในเมือง Florence และในแถบภาคกลางของอิตาลี ตามคำเรียกตัวของพระสันตะปาปา Sixtus IV เป็นที่มาของภาพ Temptations of Christ, Punishment of the Sons of Corah และ Youth of Moses ที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก นอกจากนี้ Botticelli ยังฝากผลงานภาพของพระสันตะปาปา Sixtus II ไว้อีกด้วย แต่หลังจากนั้นไม่กี่สิบปีความงดงามและชื่อเสียงของผลงานเหล่านี้ถูกบดบังด้วยผลงานสุดอัศจรรย์บนเพดานโดยฝีมือของ Michelangelo . ปี ค.ศ. 1482 Botticelli กลับมาที่ Florence พร้อมกับชื่อเสียงและค่าจ้างที่เพิ่มมากขึ้น จนกลายมาเป็นดาวดังของ Florence สวนทางกับศิลปินรุ่นใหม่ที่ทยอยออกจากเมืองไปสร้างชื่อที่อื่นกันหลายต่อหลายคน รวมไปถึงศิลปินที่เคยร่ำรียนกับครูคนเดียวกับเขาอย่าง Leonando da Vinci ที่เดินทางไปสร้างชื่อเสียงโด่งดัง ณ เมืองมิลาน ช่วงนั้นเองที่ Botticelli ได้งานจ้างให้เขียนภาพประดับในห้องหอของเศรษฐีอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะตระกูล Medici ที่มีอำนาจและอิทธิพลทั้งในด้านการปกครองและเศรษฐกิจมากที่สุดของเมือง Florence ระหว่างศตวรรษที่ 13 - ศตวรรษที่ 17 . นอกจากนี้การเขียนภาพให้กับตระกูล Medici ก็ทำให้ Botticelli สร้างสรรค์ผลงานชุดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาทั้ง 4 ภาพออกมา ทั้ง The Birth of Venus, Primavera, Venus and Mars และ Pallas and the Centaur จนถูกยกย่องให้เป็นภาพที่เขียนจากตำนานปกรณัมกรีก-โรมันออกมาได้อย่างงดงามเกินคำบรรยาย ตามความเชื่อและค่านิยมในยุค Renaissance ที่การเปลือยกายแสดงถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา . หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1491 Botticelli ก็เริ่มทำงานให้กับสมาคมที่มีอำนาจดูแลการตกแต่งด้านหน้าของ “มหาวิหารฟลอเรนซ์” (Cathedral of Santa Maria del Fiore) และหลังจากช่วงปี ค.ศ. 1500 ก็แทบจะไม่ได้เขียนภาพอีกเลย โดยเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการออกแบบและวาดรูปเพื่อทำหนังสือ Divine Comedy Illustrated by Botticelli จากวรรณกรรมเรื่อง Divine Comedy ของ Dante Alighieri ประกอบไปด้วยภาพวาดทั้ง 92 ภาพ เช่นภาพ The Abyss of Hell และ Inferno XVIII จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชั้นยอดอีกชิ้นหนึ่งของเขา ต่อมาในปี ค.ศ. 1504 Botticelli ได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับที่ตั้งของ “รูปสลักเดวิด” (David of Michelangelo) ผลงานชื่อดังของ Michelangelo ร่วมกับ Leonando da Vinci จนเมื่อปี ค.ศ. 1510 Sandro Botticelli ก็เสียชีวิตลงในวัย 65 ปี . ในช่วงบั้นปลายของชีวิต Botticelli ถูกกล่าวหาว่ามีรสนิยมรักร่วมเพศในปี ค.ศ. 1502 ต่อมาข้อกล่าวหานี้ก็ถูกศาลโดยศาลในปี ค.ศ. 1504 ซึ่งนำไปสู่การถกเถียงกันมานานนับร้อยปีว่าเขามีรสนิยมรักร่วมเพศจริงหรือไม่ โดยฝ่ายกล่าวหาตั้งข้อสังเกตจากภาพเหมือนตัวเขาเอง ส่วนฝ่ายที่เห็นต่างก็ให้เหตุผลว่าผู้คนจำนวนมากในสมัยนั้นก็ถูกกล่าวหาแบบเดียวกันนี้ . ส่วนในด้านความรัก Botticelli ไม่เคยแต่งงาน และทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานศิลปะทั้งชีวิต ว่ากันว่าเขาหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Simonetta Vespucci แต่ไม่สมหวัง จนหลายคนเชื่อว่าเธอคนนี้คือนางแบบในภาพของเขาหลายต่อหลายภาพ รวมไปถึงภาพ The Birth of Venus และ Portrait of a Young Woman ทั้ง ๆ ที่เธอเสียชีวิตไปก่อนที่ Botticelli จะเขียนภาพเหล่านี้หลายปี แถมยังเคยขอร้องไว้ว่า เมื่อตัวเขาเสียชีวิตลงให้นำร่างของเขาไปฝังไว้แทบเท้าของเธอ ซึ่งคำขอของเขาก็เป็นจริงในอีก 34 ปีหลังจากนั้น . สามารถเข้าชมได้ที่โชว์รูม AGAL ซอยรามอินทรา 23 แยก 16 Location: https://goo.gl/maps/wiAoiFBPZEWH87cP7 หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง Inbox: http://m.me/agaldecor Line Official: https://lin.ee/k1w5t7y Website: https://www.agal.co.th/ เบอร์โทรติดต่อ: 086-340-9321 #StepintoYourComfortzone #Agal










สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

bottom of page